เรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อม สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1



ความหมายของ ปัญหาสิ่งแวดล้อม    1. ปัญหาที่เกิดขึ้นจาการใช้ทรัพยากรของมนุษย์อย่างไม่ประหยัดและขาดความรับผิด ชอบก่อให้เกิดปัญหามลพิษและปัญหาอื่น ๆ ซึ่งเป็นภาวะการณ์ที่กระทบกระเทือนต่อคนจำนวนมาก ซึ่งภาวการณ์ดังกล่าวไม่ เป็นที่พึงปรารถนาและควรมีการกระทำบางอย่างเพื่อแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้น

    2. ปัญหาเสื่อมโทรมของสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติทั้งที่เป็นทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ป่าไม้ ดิน แร่ธาตุ สัตว์ และพืช และปัญหาเสื่อมโทรมของคุณค่าสิ่งแวดล้อมรอบตัวมนุษย์เช่น ดิน น้ำ อากาศ เป็นต้น รวมถึงปัญหาความเสื่อมโทรมของระบบนิเวศตามธรรมชาติ ตลอดจนปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางด้านสิ่งแวดล้อมทางเศรษฐกิจและสังคมอันมี สาเหตุมาจากการกระทำของมนุษย์

ลักษณะปัญหาสิ่งแวดล้อม ตามการให้นิยามของ สำนักงานคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ แบ่งเป็น
    
    1. ปัญหาสิ่งแวดล้อมทางกายภาพ ได้แก่
            – ภาวะมลพิษ
            – ปัญหาความร่อยหรอของทรัพยากร
            – ปัญหาการใช้ทรัพยากรไม่ถูกวิธี ขาดการอนุรักษ์

    2. ปัญหาสิ่งแวดล้อมทางสังคม ได้แก่
            – ปัญหาความยากจน
            – ความขาดแคลนอาหาร
            – ที่อยู่อาศัย
            – ความไม่รู้หนังสือ
            – ความเจ็บไข้ ฯลฯ

สาเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อม    1. ปัญหาประชากร
        1) การเพิ่มจำนวนประชากร
        2) ขยายตัวทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยี เทคโนโลยีที่ทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม ได้แก่
                (1) ด้านการเกษตรการใช้ปุ๋ยและยาฆ่าแมลง
                (2) ด้านอุตสาหกรรมเนื่องจากการใช้เครื่องจักรแทนคนก่อให้เกิด
                        – ปัญหาว่างงาน
                        – ขาดแคลนทรัพยากร
                (3) ด้านคมนาคม ความสะดวกสบายในการคมนาคมทำให้เกิดการจราจรติดขัดจากมีปริมาณการใช้มาก
                (4) สารกัมมันตภาพรังสี ซึ่งนำมาใช้ในการถนอมอาหาร การสงคราม
        3) ความเชื่อและค่านิยมที่ไม่เหมาะสม ก่อให้เกิดผลต่อการทำลายสิ่งแวดล้อมเพื่อตอบสนองความเชื่อและค่านิยมนั้น เช่น
                (1) การนิยมความฟุ่มเฟือย หรูหรา
                (2) มีความมักง่ายและความประมาท
                (3) ชอบความเป็นเอกเทศและความเป็นอิสระ
                (4) ความชื่นชอบสิ่งประดิษฐ์หรือความงามตามธรรมชาติ เช่น การปลูกสร้างอาคารตามไหล่เขา
       
    2. การขยายตัวของเมือง
                     เกิดจากภาวะหรือปัจจัยทางสังคมที่ผลักดันให้คนส่วนใหญ่เกาะกลุ่มกันเข้ามา อยู่ในเขตเมือง ภาวะดังกล่าวได้แก่
        1) แรงดึง เป็นลักษณะที่พิจารณาได้จาก ความก้าวหน้าในการติดต่อสื่อสาร การศึกษา เศรษฐกิจ ความสะดวกสบาย รายได้ต่อหัวของคนในเขตเมืองที่มีสูงกว่า จึงเป็นแรงดึงดูดคนจากชนบท
ซึ่งมีโอกาสด้อยกว่า เข้ามาสู่เมืองมากขึ้น
        2) แรงดัน เป็นลักษณะที่พิจารณาได้จากสภาพ ปัญหาในชนบท เช่น ความยากจน จากการประกอบอาชีพเกษตรกรรม ต้องอาศัยสภาพภูมิอากาศ ปริมาณน้ำฝน การขยายตัวทางเศรษฐกิจได้รับ
การส่งเสริมไม่เพียงพอ จึงเสมือนเป็นแรงผลักดันให้ออกจากชนบทเข้าสู่เมืองเพื่อแสวงหาโอกาสที่ดีกว่า

    3. สภาพการใช้ที่ดินไม่เหมาะสม
                    พบว่าการเพิ่มขึ้นของประชากรและสาเหตุการเกิดปัญหาสิ่งแวดล้อมอื่นได้ก่อให้ เกิดสภาพการใช้ที่ดินไม่เหมาะสม เพราะขาดการควบคุมการใช้ประโยชน์ที่ดิน ซึ่งบางพื้นที่เหมาะแก่
การเพาะปลูก แต่ถูกสภาพการเป็นเมืองเข้าก่อสร้างซ้อนทับ มีผลทำให้ต้องแสวงหาพื้นที่ทำการเกษตรใหม่ โดยบุกรุกพื้นที่ป่า

    4. การใช้เทคโนโลยีไม่เหมาะสม
                    ได้แก่การใช้สารเคมีในการเกษตรและอุตสาหกรรมรวมถึงการใช้เทคโนโลยีที่ไม่ถูก วิธี ย่อมส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม นกจากนี้การใช้เทคโนโลยีทำให้สามารถทำลายทรัพยากร
ได้เป็นจำนวนมาก ทำให้ระบบนิเวศถูกทำลายอย่างรวดเร็ว การนำปะการังเก็บขึ้นมาทำเป็นสินค้าที่ระลึก ทำให้สัตว์น้ำไม่มีที่อยู่อาศัย คุณภาพดินเสื่อมจากสารเคมีที่ใช้ในการเกษตรและปุ๋ยเคมีในระยะเวลานาน ๆ อย่างต่อเนื่อง

กิจกรรม

ให้นักเรียน เลือกข่าวสิ่งแวดล้อม 1 ข่าว จากทั้งหมด 10 ข่าว ที่ครูกำหนดให้ต่อไปนี้ แล้วแสดงความคิดเห็นลงในช่อง Post comment ตามหัวข้อต่อไปนี้

–  ข่าวที่เลือกคือเรื่อง

–  สาเหตุของปัญหาสิ่งแวดล้อมในข่าว

–  ปัญหาสิ่งแวดล้อมตามข่าวส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง

–  นักเรียนจะเสนอแนวทางแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างไร

อย่าลืม พิมพ์ ชื่อ นามสกุล เลขที่ และห้องเรียนด้วย

หัวข้อข่าว มีดังนี้

10 ข่าวสิ่งแวดล้อม 
(เว็บไซต์ข่าวสด 2 ม.ค.53)


1.คดี”มาบตาพุด-แหลมฉบัง”


วันที่ 3 มี.ค. 2552 ศาลปกครองตัดสินใจให้นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด เป็นเขตควบคุมมลพิษ


เนื่องจากประชาชนที่อาศัยรอบๆ นิคมอุตสาหกรรม มีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยจำนวนมาก


สืบพยานหลักฐานแล้วพบว่าโรงงานต่างๆ ในนิคม ร่วมกันปล่อยมลพิษออกมาจริง


ต่อมาวันที่ 2 ธ.ค. 2552 ศาลปกครองสูงสุด มีคำสั่งชั้นอุทธรณ์ ระงับ 65 โครงการในนิคม เพราะกระทำผิดมาตรา 67 ของรัฐธรรมนูญและอนุญาต 11 โครงการให้ดำเนินการต่อได้



รัฐบาลจึงพยายามจะหาช่องทางช่วย เพื่อจะให้โรงงานอุตสาหกรรมดำเนินการต่อได้ แต่จนถึงสิ้นปี ก็ยังไม่มีมาตรการอะไรชัดเจนออกมา


นายกรัฐมนตรีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ สรุปว่า “เป็นบทเรียน” และแนะนำว่าคนจะทำโรงงานอุตสาหกรรม ต้องลงทุนด้านควบคุมมลพิษของตัวให้ได้มาตรฐานด้วย


ช่วงปลายเดือนพ.ย. ยังมีเหตุการณ์วุ่นๆ ภายในการท่าเรือแหลมฉบัง จ.ชลบุรี


เมื่อเกิดเหตุ “สารฟอกขาว” รั่วไหลจากตู้คอนเทนเนอร์ บริเวณท่าเทียบเรือบี 3 ชาวบ้านที่สูดดมกลิ่นและควันของสารฟอกขาว มีถึง 246 ครัวเรือน ป่วยเข้าโรงพยาบาล 79 ราย


และมีผู้เสียชีวิตปริศนา 1 ราย



2.เปิบนรก”แหนมค่าง-หมีร้า”


เดือนมิ.ย. 52 หน่วยลาดตระเวนของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จ.อุทัยธานี จับกุมพรานป่าพร้อมยึดของกลางค่างที่ถูกยิง รวมทั้งเนื้อค่างที่ถูกสับปนกับกระดูกแล้ว น้ำหนักรวม 21 ก.ก.


อธิบดีกรมอุทยานฯ ระบุว่าชาวบ้านรอบๆ ป่าห้วยขาแข้ง มักจะเข้าไปล่าสัตว์ และเอาเนื้อสัตว์ป่ามาแปรรูปถนอมอาหาร แล้วขายกันทั่วไปตามตลาดยามเช้ามานานแล้ว ไม่ใช่เมนูแปลกใหม่


เช่น นำเนื้อค่างมาทำเป็นแหนมค่าง ส้มค่าง และค่างร้า ราคาจำหน่ายสูงถึงก.ก.ละ 300 บาท


นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังทราบข่าวว่าสัตว์ป่าอย่างหมี ยังถูกล่ามาเพื่อปรุงเป็นส้มหมีกับหมีร้าด้วย แต่ยังไม่เคยเจอหรือจับกุมได้ชัดๆ


นอกจากการปราบปรามพวกพรานแล้ว กรมอุทยานฯพยายามส่งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ไปทำความเข้าใจกับชาวบ้าน


ว่าการรับประทานสัตว์ป่าจำพวกค่าง ที่ชาวบ้านมักคิดว่าการรับประทานเป็นยาบำรุงและยารักษาโรค ความจริงแล้วอาจติดเชื้อโรคต่างๆ จากได้มากมาย


โดยเฉพาะโรคกลุ่มไวรัส เช่น เริม โรคพิษสุนัขบ้า รวมทั้งท้องร่วงท้องเสีย แทนที่จะเป็นยาโด๊ป อาจกลายเป็นเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ


หรืออายุสั้นกว่าที่ควรจะเป็นด้วยซ้ำ



3.”ฉลามวาฬ”รายวันโชว์ใกล้ฝั่ง


ช่วงเดือนมิ.ย. 2552 ปลาฉลามวาฬ สัตว์ทะเลหายากเข้ามาสร้างความฮือฮา ด้วยการปรากฏตัวในเขตน้ำตื้นใกล้ฝั่ง แถวหาดดอนสำราญ ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ ทั้งยังมาด้วยกันหลายตัว


เป็นภาพที่น่ามหัศจรรย์ของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่แห่ไปชม


เนื่องจากปกติปลาฉลามวาฬจะอาศัยในทะเลลึก มักมีแต่พวกมนุษย์กบเท่านั้นจะได้พบ


แต่คราวนี้ ปลาฉลามวาฬว่ายวนอยู่ที่ผิวน้ำ สามารถนั่งเรือไปดูพฤติกรรมจ่อๆ ใกล้ๆ หรือแม้แต่ยืนบนชายหาดบนฝั่ง ก็สามารถเห็นได้


ปลาฉลามวาฬกลุ่มนี้โชว์ตัวให้เห็นทุกวัน เป็นเวลาร่วม 1 อาทิตย์จึงหายตัวไป เชื่อว่าตามเข้ามากินแพลงตอนในเขตน้ำตื้น


ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์เชื่อว่าพื้นที่ของพวกเขายังใสสะอาด โดยใช้ปลาฉลามวาฬเป็นดัชนีชี้วัด ไม่ควรจะมีโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ และฝ่ายโรงงานที่ตั้งอยู่ก่อนแล้ว ก็อ้างว่าเพราะโรงงานควบคุมมลพิษอย่างดี



และประกาศว่านี่เป็นครั้งแรก ที่พบเต่าทะเลวางไข่บนแผ่นดินใหญ่ฝั่งอ่าวไทย ที่ผ่านมาจะพบแถวอันดามัน


หรือหากเป็นฝั่งอ่าวไทยจะพบแต่เฉพาะหาดทรายสงบๆ บนเกาะเท่านั้น


ส่วนลูกเต่า หลังได้รับการอนุบาลจนแข็งแรง ชาวบ้านก็จัดการปล่อยลงทะเล ณ จุดที่พบหลุมกำเนิด




4.ลานผักตบยักษ์ท่าจีน


หน้าฝน น้ำหลาก ผักตบชวาก็เกิดระบาดขึ้นในแม่น้ำท่าจีน



ความหนาของผักตบไม่น้อยกว่า 2 เมตร ถึงขนาดชาวบ้านละแวกนั้น เอามาดัดแปลงเป็นสนามฟุตบอล ชวนกันไปเตะฟุตบอลบนลานผักตบอย่างสนุกสนานได้โดยไม่ยุบจมลงไป


นอกจากที่นครชัยศรีแล้ว แม่น้ำท่าจีนตอนผ่านตลาดโพธิ์พระยา อ.เมือง จ.สุพรรณบุรี และแถวจ.พระนครศรีอยุธยา ก็มีปัญหาแบบเดียวกัน


ผักตบสร้างผลกระทบด้านการคมนาคมทางน้ำ ส่งผลต่อไปยังตลาดน้ำต่างๆที่อยู่ในแม่น้ำท่าจีน ตลอดจนตลาดเก่าริมฝั่งของสุพรรณฯ


ร้อนถึงนายเกื้อกูล ด่านชัยวิจิตร รมช.คมนาคม ต้องมาสั่งการให้ใช้เครื่องจักรใหญ่ รื้อเปิดทางผักตบเป็นการด่วน โดยใช้เวลาถึง 3 วัน กว่าจะเปิดทางน้ำได้สำเร็จ แล้วปล่อยผักตบส่วนใหญ่ลอยตามน้ำไปออกทะเล


โดยมีชาวบ้านบางส่วนแห่มารับผักตบที่รื้อขึ้นมาแล้ว เพื่อนำไปทำเป็นปุ๋ยหมัก


คาดว่าผักตบที่ทำเอาแม่น้ำท่าจีนอัมพาต อาจมีปริมาณมหาศาลถึง 12
,000 ตัน



5.จระเข้โผล่กลางเขาใหญ่


เป็นข่าวขึ้นมา เพราะมีนักท่องเที่ยวไปเจอจระเข้ตัวยาวร่วม 2 เมตร อาศัยในลำตะคอง ช่วงระหว่างผากล้วยไม้-เหวสุวัต แล้วโวยออกมาทางเน็ต กลัวว่าจระเข้ตัวขนาดนั้น จะเป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยว


ขณะที่จริงๆแล้ว อุทยานฯเขาใหญ่เองก็รู้ถึงการมีอยู่ของจระเข้ตัวนี้ ตั้งแต่มันยังเป็นจระเข้น้อย จนเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้นมา จนมีการปักป้ายเตือนระวังจระเข้ไว้บนเส้นทางเดินป่า ช่วงผ่านวังจระเข้อยู่ก่อนแล้ว


พอเป็นข่าวออกมา กรมอุทยานฯก็เลยขยับจะดำเนินการกับจระเข้ตัวนี้ มีการเสนอไอเดีย อาจจะจับจระเข้ขึ้นมา เพื่อเคลียร์ลำตะคองให้ปลอดภัย ทั้งหาทางที่จะพิสูจน์สายพันธุ์จระเข้ตัวนี้ด้วย


เบื้องต้นจากลักษณะภายนอก บ่งชี้ว่าเป็นจระเข้พันธุ์ไทย ไม่ใช่จระเข้ลูกผสม หรือจระเข้น้ำเค็ม


ซึ่งจระเข้พันธุ์ไทยที่เป็นจระเข้ป่า พบน้อยมากในป่าบางแห่ง ใกล้สูญพันธุ์เต็มที แต่ยังมีอยู่มากมายตามฟาร์มจระเข้



ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ตาม ในที่สุด กรมอุทยานฯก็มีมติว่าจะไม่จับจระเข้ตัวนี้ขึ้นจากน้ำ แต่ให้ศึกษาพฤติกรรมจระเข้ไปเรื่อยๆ


และมองว่าจระเข้ตัวนี้ยังเป็นจุดขายสำหรับนักท่องเที่ยวได้อีกต่างหาก



6.ฝูงลิงนับพันติดเกาะ


เกาะเป็ดหรือเกาะเกล็ดแก้ว น่านน้ำสัตหีบ ในพื้นที่ของฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี เป็นข่าวโด่งดังขึ้นมาช่วงเดือนต.ค.



ทหารเรือจึงช่วยเหลือเบื้องต้น ด้วยการขนกล้วยสุกลงเรือไปที่เกาะเป็ด เล่นเอาฝูงลิงเริงร่าว่ายน้ำมาขอกินกล้วยกันอลหม่าน


ที่สร้างความประหลาดใจให้กับบรรดาทหารเรือ ก็คือลิงพวกนี้ทั้งที่หิวจัดอยู่ แต่กลับไม่แสดงความก้าวร้าวใดๆใส่คนที่ขนอาหารไปให้


ตรงข้ามยังเชื่องขนาดปีนขึ้นไปนั่งเล่นบนไหล่และตักคนด้วย


นักท่องเที่ยวต่างชาติพอรู้ข่าวฝูงลิงเชื่องติดเกาะดังกล่าว จึงชวนกันนั่งเรือขนอาหารไปเลี้ยงลิงกันอย่างสนุกสนาน ต่างก็ประทับใจในความสุภาพของลิง


ขณะที่ทหารเรือที่ไปดูแลความปลอดภัย สามารถสั่งการลิงด้วยการเป่านกหวีดส่งสัญญาณได้ด้วย



ลิงก็เลยอดอยากจนต้องไล่จับปลางมหอยดังกล่าว



7.สัตว์-พืชใหม่ 163 ชนิดน้ำโขง


กองทุนสัตว์ป่าโลก สาขาประเทศไทย หรือ
WWF-Thailand รายงานผลการศึกษาระบบนิเวศวิทยาของประเทศในภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ประกอบด้วยไทย กัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม และมณฑลยูนนานของจีน ตั้งแต่ปี 2551


ว่าการสำรวจหนนี้ ทำให้ได้พบสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์ใหม่ ที่ยังไม่เคยพบเจอมาก่อนโลก จำนวนมากถึง 163 ชนิด


ประกอบด้วยพืช 100 ชนิด ปลา 28 ชนิด สัตว์เลื้อยคลาน 18 ชนิด สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำหรือสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก 14 ชนิด สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 2 ชนิด และนก 1 ชนิด


ตัวอย่างสัตว์พันธุ์ใหม่ของโลกที่พบในไทย เช่น กบโคราชปากใหญ่ (
Korat Big-mouthed Frog) อาศัยอยู่ตามทางน้ำ ในปากใหญ่ๆของมัน มีเขี้ยวไว้กัดกินแมลง


หรือแม้แต่นก


อย่างไรก็ดี แม้จะมีข่าวดีการพบสิ่งมีชีวิตใหม่มากมายดังกล่าว แต่
WWF ชี้ว่าภัยจากโลกร้อน ซึ่งกำลังส่งผลกระทบต่อลุ่มน้ำโขง


น่าจะส่งผลกระทบต่อสัตว์-พืชพันธุ์ใหม่พวกนี้ ให้เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์จนหมดไปจากพื้นที่



8.ประจานไทย-ช้างข่มขืนช้าง


นักเขียนหญิงชาวฮอลแลนด์คนหนึ่ง เขียนหนังสือเปิดโปงการทำทารุณกรรมช้างไทยจนอื้อฉาวไปทั่วโลก


ระบุว่าคนเลี้ยงช้างในเมืองไทย นำช้างเพศเมียมาล่ามโซ่ขึงพืด ให้ช้างตัวผู้ข่มขืน เพราะหวังจะได้ลูกช้าง


แต่ผลจากการกระทำดังกล่าว ทำเอาช้างเพศเมียหลายเชือกต้องพิการ บางเชือกก็เสียสติเป็นบ้าไป


นางแอนโทเน็ต วอลเตอร์ ผู้เขียนเรื่องดังกล่าว ยืนยันจากปากด้วยว่าเป็นเรื่องจริง เพราะเธอเข้ามาศึกษาเรื่องของช้างไทยนานเป็น 10 ปี ได้เห็น”ช้างข่มขืนช้าง”มาแล้วกับตา


โดยช้างเพศเมียที่อายุยังน้อยและยังไม่เป็นสัด มักจะขัดขืนช้างตัวผู้ แต่จะถูกควาญใช้ของแหลมแทงอย่างทารุณเพื่อให้หยุดนิ่ง


เพราะความต้องการลูกช้างน้อยของนายทุน จึงลงทุนทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ลูกช้างมาขายเชือกละ 5 หมื่นบาท


นางแสงเดือน ชัยเลิศ เจ้าของปางช้างที่เชียงใหม่ ก็ช่วยยืนยันข่าวนี้อีกแรง ระบุว่าช้างสาวบางตัวโดนข่มขืนถึง 60 ครั้ง จนเสียสติ บางเชือกถึงกับฆ่าลูกช้างทิ้ง


เป็นเรื่องที่คนดูแลช้างรับรู้กันมานาน แต่ไม่มีใครกล้าออกมาเปิดโปง



9.วางยาฆ่าหมาในสธ.


29 พ.ย. 2552 ชมรมรักสุนัขจรจัด กระทรวงสาธารณสุข ร้องเรียน”ข่าวสด” กล่าวหาว่าผู้บริหารกระทรวงรายหนึ่ง มีคำสั่งให้คนสวนจัดการวางยาฆ่าหมาจรจัดในพื้นที่ให้หมด


โดยหมาจรจัดที่ทางชมรมดูแลให้อาหารให้น้ำไว้ ชักน้ำลายฟูมปากตาย ตั้งแต่วันที่ 26 พ.ย. มีลักษณะของสัตว์ถูกวางยาเบื่อ


เมื่อสอบถามกับคนสวนจึงได้ทราบถึงคำสั่งลับดังกล่าว ครั้นวันที่ 27 และ 29 พ.ย. ก็มีหมาทะยอยตายตามมาอีก ในลักษณะทุรนทุรายคล้ายๆกัน


ชมรมยังระบุด้วยว่า หมาจรจัดในพื้นที่กระทรวงสาธาณสุขนั้น ช่วงปี 2547 เคยมีมากเกือบ 100 ตัว แต่ก็ถูกกำจัดมาตลอด


โดยปี 2551 มีการกวาดล้างครั้งใหญ่ ทั้งยิง รถชน วางยา จนตายไปเกือบ 50 ตัว สุดท้ายก็เหลือหมาจรจัดอยู่ประมาณ 20 ตัว และทางชมรมรักสุนัขจรจัดก็เข้ามาดูแลหมาพวกนี้ ด้วยการจัดหาอาหารให้ ส่วนใหญ่ก็เป็นหมานิสัยดี


นายวิทยา แก้วภราดัย รมว.สาธารณสุข สั่งสอบสวนเรื่องนี้ เบื้องต้นทางผู้บริหารชี้แจงว่า มีการวางยาเบื่อกำจัดหนู แต่หมาพวกนี้มากินเหยื่อพิษจนพลอยตายไปด้วย ไม่ใช่การจงใจฆ่าหมา


เรื่องก็เงียบๆไปแบบค้างคาใจ



10.ช้างล้มมากมายปี 2552


มีข่าวสลดเกี่ยวกับช้างป่าและช้างบ้าน ต้องมาล้มตายไปหลายต่อหลายตัวตลอดปี 2552


ไม่ว่าจะช้างพลายสมใจ แห่งปางช้างปางป่าคา อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ป่วยจนล้มตาย เนื่องจากกินกะหล่ำปลีจนมากเกิน จนสารเคมีตกค้างในกะหล่ำปลี สะสมจนเป็นพิษถึงตาย


ช้างป่าเพศผู้ แห่งอุทยานฯเขาชะเมา จ.ระยอง โดนไฟชอร์ตตายคาที่ เนื่องจากเข้ามาหักไผ่กินถึงข้างบ้านคน แล้วดึงเอาสายไฟลงมาด้วยจนถูกไฟชอร์ตตายอนาถ


ช้างป่าเพศผู้ แห่งป่าละอู อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี ก็เป็นอีกตัวที่สังเวยชีวิตด้วยไฟฟ้าชอร์ต แต่คราวนี้เป็นชาวบ้านที่ขึงสายไฟไว้อย่างจงใจ โดยชาวไร่ย่านนั้นแทบทุกหลังคาเรือน ต่างเดินสายไฟแบบเดียวกัน ปรากฏว่าช้างเคราะห์ร้าย ถึงขั้นล้มลงตายคาสายไฟ


แต่รายที่ดังที่สุดคือช้างพังกำไล หรือพังแต๋น ประสบอุบัติเหตุ รถบรรทุกเบรกแตกระหว่างเดินทางจากจ.สุรินทร์ไปจ.สระแก้ว จนบาดเจ็บสาหัส ขาหัก และอวัยวะภายในบอบช้ำ สัตวแพทย์นำมารักษาอยู่นาน 2 เดือน จึงสิ้นลม


นอกจากนี้ยังมีเหตุการณ์ช้างตกท่อ ช้างสะพานถูกเหล็กเสียบงวง หรือช้างป่วยทางสมอง เนื่องจากกินผักตบ

ส่งผลให้ภาคอุตสาหกรรมระส่ำระสาย โวยว่าจะกระทบต่อการลงทุน ทั้งขู่ว่าอาจยื่นฟ้องรัฐบาลด้วย

นอกจากปลาฉลามวาฬแล้ว ไล่เลี่ยกันยังมีการพบหลุมไข่เต่าที่หาดแถว อ.ทับสะแก จ.ประจวบฯ เจ้าหน้าที่ประมงมารับลูกเต่าในหลุมไปอนุบาล

แพผักตบค่อยๆขยายขนาดใหญ่ขึ้น เมื่อลอยมาติดเสาสะพานที่อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม พวกมันก็สะสมกลายเป็นลานผักตบขนาดยักษ์เต็มความกว้างแม่น้ำ ยาวเหยียดสุดลูกหูลูกตา

ที่มาของจระเข้ตัวนี้ก็ยังเป็นปริศนาว่ามันมาอยู่ตรงนั้นได้อย่างไร คาดการณ์กันว่าน่าจะมีคนนำมาปล่อย แต่บางคนก็มีทฤษฎีว่าเป็นจระเข้หลุดจากฟาร์มมา

เมื่อทหารเรือได้รับร้องเรียนจากชาวประมงที่นำเรือไปจอดหลบพายุฝนข้างเกาะ ว่าพบฝูงลิงนับพันตัว เที่ยวหากินอาหารอันหายากตามโขดหินริมฝั่งทะเล รวมทั้งบางตัวว่ายน้ำไล่จับปลาและดำน้ำงมหอยกิน

เพราะปกติก็มักมีคนนำอาหารไปเลี้ยงลิงพวกนี้อยู่แล้ว แต่พอช่วงลมมรสุมเข้า คลื่นลมแรงจัด เรือออกจากฝั่งไม่ได้

ล้วนเป็นชะตากรรมที่สัตว์ประจำชาติ ไม่ควรได้รับอย่างมากมายขนาดนี้

ที่มา http://www.dmcr.go.th/dmcr2009/bbs/viewthread.php?tid=318

Posted on มกราคม 17, 2011, in Uncategorized. Bookmark the permalink. 58 ความเห็น.

  1. ด.ญ.ปาริฉัตร สรีวารีรัตน์

    เรื่อง คดีมาบตาพุดข-แหลมฉบัง
    สาเหตุ-มีการปล่อยนำเน่าเสียลงในลำคลอง และมีสารพิษ
    ปัญหา ชาวบ้านได้รับมลพิษ มีอาการเจ็บป่วย
    แก้ไข ให้โรงงานควบคุมการปล่อยสารพิษ

    ด.ญ.ปาริฉัตร สรีวารีรัตน์ ม.1/11 เลขที่ 26

  2. โศจิรัตน์ หนองเรือง

    เรื่อง คดี มาบตาพุด-แหลมฉบัง

    สาเหตุ เกิดจากโรงงานต่างๆปล่อยมลพิษออกมาเนื่งจากมีสารฟอกขาวรั่วออกมา ชาวบ้านจึงสูดกลิ่นเข้าไป

    ผลกระทบ มีชาวบ้านป่วยจำนวนมาก และมีกลิ่นเหม็นไปทั่ว

    แนวทางแก้ไขปัญหา
    -ตรวจสอบอุปกรณ์ ทุกครั้งว่ามีการรั่วไหลหรือไม่
    -รับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    -ลดการใช้สารพิษต่างๆ ให้น้อยลง

    ชื่อ ด.ญ.โศจิรัตน์ หนองเรือง ม.1/11 เลขที่ 40

  3. ด.ญ. นิรชา ศิริพงษ์

    เปิบนรก”แหนมค่าง-หมีร้า”
    -คนเอาเนื้อสัตว์ป่ามาแปรรูปถนอมอาหาร แล้วขายกันทั่วไปตามตลาดยามเช้า
    -สัตว์ป่าสูญพันธุ์

  4. ด.ช.เสกสรรค์ ชุกุลวรวิทย์

    ข่าวที่เลือก คดี”มาบตาพุด-แหลมฉบัง
    สาเหตุของข่าว:โรงงานปล่อยควันพิษออกมาจำนวนมาก
    ปัญหา: บริเวณนั้นมีชาวบ้านอาศัยอยู่ จึงทำให้ชาวบ้านที่อาศัยในบริเวณนั้น เจ็บป่วยและเสียชีวิต
    วิธีเเก้ไข: ทางโรงงานควรจะลดบริมาณการปล่อยมลพิษให้น้อยลง

  5. ปิยะนันท์ หงษ์มืด

    ข่าวที่เลือก คดี มาตาพุด-แหลมฉบัง
    สาเหตุ โรงงงานปล่อยสารพิษออกมาจำนวนมาก
    ปัญหา เนื่องจากประชาชนที่อาศัยรอบๆ นิคมอุตสาหกรรม มีอาการเจ็บไข้ได้ป่วยจำนวนมาก
    วิธีแก้ไข ควรลดการปล่อยสารพิษให้น้อยลง

    ด.ญ. ปิยะนันท์ หงษ์มืด ม. 1/11 เลขที่ 28

  6. ด.ช.ภากร ผาลัง ม.1/11 เลขที่ 11

    เรื่อง คดี มาบตาพุด-แหลมฉบัง

    สาเหตุ เกิดจากโรงงานต่างๆปล่อยมลพิษออกมาเนื่งจากมีสารฟอกขาวรั่วออกมา

    ผลกระทบ ชาวบ้านได้รับสารพิษเเละมีกลิ่นเหม็น

    แนวทางแก้ไขปัญหา
    -ตรวจสอบอุปกรณ์ ทุกครั้งว่ามีการรั่วไหลหรือไม่
    -รับผิดชอบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
    -ลดการใช้สารพิษต่างๆ ให้น้อยลง

    ด.ช.ภากร ผาลัง ม.1/11 เลขที่ 11

  7. สรวิชญ์ แปรนุ่น

    ฉลามวาฬ”รายวันโชว์ใกล้ฝั่ง

    ช่วงเดือนมิ.ย. 2552 ปลาฉลามวาฬ สัตว์ทะเลหายากเข้ามาสร้างความฮือฮา ด้วยการปรากฏตัวในเขตน้ำตื้นใกล้ฝั่ง แถวหาดดอนสำราญ ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบฯ ทั้งยังมาด้วยกันหลายตัว

    เป็นภาพที่น่ามหัศจรรย์ของชาวบ้านและนักท่องเที่ยวที่แห่ไปชม

    เนื่องจากปกติปลาฉลามวาฬจะอาศัยในทะเลลึก มักมีแต่พวกมนุษย์กบเท่านั้นจะได้พบ

    แต่คราวนี้ ปลาฉลามวาฬว่ายวนอยู่ที่ผิวน้ำ สามารถนั่งเรือไปดูพฤติกรรมจ่อๆ ใกล้ๆ หรือแม้แต่ยืนบนชายหาดบนฝั่ง ก็สามารถเห็นได้

    ปลาฉลามวาฬกลุ่มนี้โชว์ตัวให้เห็นทุกวัน เป็นเวลาร่วม 1 อาทิตย์จึงหายตัวไป เชื่อว่าตามเข้ามากินแพลงตอนในเขตน้ำตื้น

    ชาวบ้านกลุ่มอนุรักษ์เชื่อว่าพื้นที่ของพวกเขายังใสสะอาด โดยใช้ปลาฉลามวาฬเป็นดัชนีชี้วัด ไม่ควรจะมีโรงงานอุตสาหกรรมในพื้นที่ และฝ่ายโรงงานที่ตั้งอยู่ก่อนแล้ว ก็อ้างว่าเพราะโรงงานควบคุมมลพิษอย่างดี

    และประกาศว่านี่เป็นครั้งแรก ที่พบเต่าทะเลวางไข่บนแผ่นดินใหญ่ฝั่งอ่าวไทย ที่ผ่านมาจะพบแถวอันดามัน

    หรือหากเป็นฝั่งอ่าวไทยจะพบแต่เฉพาะหาดทรายสงบๆ บนเกาะเท่านั้น

    ส่วนลูกเต่า หลังได้รับการอนุบาลจนแข็งแรง ชาวบ้านก็จัดการปล่อยลงทะเล ณ จุดที่พบหลุมกำเนิด

ส่งความเห็นที่ ด.ญ.ปาริฉัตร สรีวารีรัตน์ ยกเลิกการตอบ